บทลงโทษที่หนักขึ้น PDF Print E-mail
Written by owen   
Thursday, 26 June 2008 09:59

ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปี

และปรับไม่เกินสองแสนบาท

หรือทั้งจําทั้งปรับ 

บทลงโทษที่หนักขึ้นสําหรับการกระทําที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน

หรือการรักษาความมั่นคงของประเทศ ฯลฯ

(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือภายหลัง

      และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

(๒) เป็นการกระทําโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์

      หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศความปลอดภัยสาธารณะ

      ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศหรือการบริการสาธารณะ  หรือเป็นการกระทําต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์

      หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้ เพื่อประโยชน์สาธารณะ

      ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท

      ถ้าการกระทําตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต้องระวางโทษตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

      มาตรา ๑๒ เป็นบทลงโทษที่หนักขึ้นสําหรับการกระทําความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐

      (ไม่รวมความผิดฐาน Spamming  ตามมาตรา ๑๑) ซึ่งเป็นการกระทํา โดยมิชอบกับข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น

      ดังนั้นจะเป็นความผิดตามมาตรานี้ได้จะต้องเป็นความผิดใน ๒ มาตราดังกล่าวก่อน

๑๘

      ตามมาตรา ๑๒(๑) พิจารณาผลจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทําความผิดตามมาตรา ๙

      หรือมาตรา ๑๐ คําว่า  “แก่ประชาชน” ควรพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนในวงกว้าง (public)

      แบบเดียวกับถ้อยคํา “ประชาชน” ในเรื่องฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓

      องค์ประกอบที่น่าพิจารณาอีกประการหนึ่งก็คือ “ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันที่หรือภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่

      ซึ่งดูเสมือนว่าจะไม่คํานึงถึงผล แต่จริงๆ แล้วต้องพิจารณาว่าผลคือความเสียหายนั้นต้องเกิดขึ้นแน่ 

      เพียงแต่ว่าถึงแม้จะยังไม่เกิด  แต่แน่นอนว่าหากจะเกิดขึ้นในภายหลังก็ถือว่าเข้าองค์ประกอบความผิดนี้แล้ว

      ถ้อยคํานี้ จึงน่าจะแตกต่างจาก “โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย” ตามมาตรา ๑๒(๒)

      ซึ่งจะได้อธิบายในลําดับถัดไป การกระทําความผิดที่เข้ามาตรา ๑๒(๑)

      กฎหมายให้ระวางโทษหนักขึ้น เป็นจําคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

      ส่วนบทลงโทษที่หนักขึ้นตามมาตรา ๑๒(๒) ไม่ได้พิจารณาจากผลของการกระทํา ดังที่เขียนไว้ในมาตรา ๑๒(๑)

      แต่มาตรา ๑๒(๒) พิจารณาจากลักษณะของการกระทําที่จะก่อให้เกิดผล โดยใชคําว่า “โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อ...

      ซึ่งถ้อยคํานี้มีใช้อยูในความผิดเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ตาม มาตรา ๒๖๙/๕ และมาตรา ๒๖๙/๖ ของประมวลกฎหมายอาญา

      และอีกหลายบทมาตราที่ใช้ถ้อยคําในลักษณะทํานองเดียวกัน

      ในขณะที่มาตรา ๑๒(๑) พิจารณาจากผลที่ก่อให้เกิดความเสียหาย มาตรา ๑๒(๒)

      พิจารณาจากลักษณะของการกระทําที่ไปกระทําต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์

      ที่กฎหมายมุ่งใหความคุ้มครองเป็นพิเศษ   ดังต่อไปนี้

(๑) ระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอรที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ

      ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทาง เศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ

หมายเหตุ   ตัวบทใช้คําว่า “หรือ” จึงหมายความว่าเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งเรื่องใด ก็เข้าองค์ประกอบแล้ว

และเป็นถ้อยคําสามัญที่ตีความตามหลักภาษาไทย

(๒) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ

      ถ้อยคํานี้ยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก ในความเห็นของผู้เขียน การพิสูจน์ความผิดตามองค์ประกอบข้อนี้

      โจทก์จะต้องพิสูจน์โดยปราศจากความสงสัยตามสมควรว่า ผู้กระทําความผิดรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด

      คือต้องรู้ว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์นั้นมีไว้เพื่อใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เช่นอาจต้องมีประกาศแจ้งเตือนก่อน

๑๙

       การกระทําความผิดตามมาตรา ๑๒(๒) ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นถึงสามแสนบาท

      ส่วนความในวรรคท้ายของมาตรา ๑๒ เป็นบทฉกรรจ์สําหรับการลงโทษที่หนักขึ้นของผู้กระทําผิดตามมาตรา ๑๒(๒)

      ที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คือต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

      มีข้อสังเกตว่า เหตุฉกรรจ์ ตามมาตรา ๑๒ วรรคท้ายที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น

      หากเป็นกรณีที่ผู้กระทํามีเจตนาฆ่า   ผู้กระทําต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘

      หรือ มาตรา ๒๘๙ แล้วแต่กรณี  ซึ่งมีอัตราโทษจําคุกสูงสุด คือประหารชีวิต

      หากเป็นกรณีที่ผู้กระทําไดกระทําไปโดยประมาทก็ต้องถือว่าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท

      ต้องปรับบทความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๑ ด้วย

      แต่เนื่องจากโทษตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัตินี้หนักกว่า โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑

      ที่กําหนดไว้จําคุกไม่เกินสิบป จึงต้องใช้บทลงโทษตามมาตรา ๑๒ วรรคท้ายซึ่งหนักกว่า

      ทั้งนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐

      หรือแม่แต่การกระทําให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ ก็มีอัตราโทษ

      คือจําคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าป ซึ่งเป็นอัตราโทษที่เบากว่ามาตรา ๑๒ วรรคท้าย

 

Last Updated ( Wednesday, 23 July 2008 09:33 )